6 วิธีล้างผักให้สะอาด ที่คนทำกันเยอะ

6 วิธีล้างผักให้สะอาด ที่คนทำกันเยอะ

ภาพที่ 1
ภาพจาก https://168healthycare.com

ผักเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ร่างกายเยอะมาก ผู้คนจึงนิยมกินผักกันเยอะ แต่ผักที่ขายตามท้องตลาด หรือในซุปเปอร์มาร์เก็ต แม้แต่พืชผักสวนครัวที่เราปลูกกินเอง ก็มักจะมีสารตกค้าง รวมถึงเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสต่างๆปะปนอยู่ ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนแต่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพทั้งนั้น ฉะนั้นเมื่อเราจะทำอาหารที่มีผักเป็นส่วนประกอบ ก็ต้องจัดการล้างผักให้สะอาดดีเสียก่อน ซึ่งวิธีการล้างผักให้สะอาดก็มีอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้

1. ใช้น้ำเปล่าล้าง

วิธีนำผักไปล้างน้ำเปล่าเป็นวิธีที่เบสิคสุดๆ หลายคนชอบใช้วิธีนี้กัน แต่การล้างผักให้สะอาดนั้นไม่เพียงแต่ล้างน้ำเปล่าแค่แปปเดียวแล้วนำไปปรุงอาหารเลยอย่างที่หลายคนเคยทำ แต่ต้องเด็ดใบหรือผลแล้วนำไปล้างผ่านน้ำไหลเสียก่อน จากนั้นถึงนำไปแช่น้ำในอ่างทิ้งไว้ 15 – 20 นาที แล้วค่อยนำไปปรุงอาหาร วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างจากผักได้ประมาณ 7 – 33%

2. ใช้น้ำยาล้างผัก

หลายคนนิยมใช้น้ำยาล้างผัก เพราะมันสะดวกดี และหาซื้อง่ายตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ แต่ก็ต้องดูส่วนผสมของน้ำยาล้างผักให้ดีด้วยว่ามีส่วนประกอบของอะไรบ้าง และใช้อย่างระมัดระวัง เพราะในบางครั้งส่วนประกอบที่อยู่ในน้ำยาจะเข้าไปแทรกซึมในผักและอาจเกิดอันตรายกับสุขภาพผู้ใช้ได้ ทางที่ดีให้เลือกน้ำยาล้างผักที่มีความเข้มข้นประมาณ 0.3% จะดีกว่า แล้วนำมาผสมกับน้ำ 4 ลิตร จากนั้นนำผักไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วนำไปล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 25 – 70%

3. ใช้น้ำส้มสายชู

น้ำส้มสายชู เครื่องปรุงที่หลายบ้านมีติดครัว ก็ใช้ล้างผักให้สะอาดได้เช่นกัน อีกทั้งยังปลอดภัยต่อสุขภาพผู้ใช้ด้วย วิธีล้างผักก็แค่เตรียมน้ำส้มสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้น 5% ผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 : 10 จากนั้นนำผักมาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เป็นอันเสร็จเรียบร้อย วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ประมาณ 60 – 84% แต่วิธีล้างผักด้วยน้ำส้มสายชูนี้ควรเลือกภาชนะในการแช่ที่เป็นชามหรืออ่างสแตนเลสดีกว่าการใช้พลาสติก เพราะกรดในน้ำส้มสายชูอาจไปทำลายพลาสติกและมาปนเปื้อนกับผักได้ อีกอย่างคือการล้างผักด้วยวิธีนี้ อาจทำให้ผักบางชนิดมีกลิ่นของน้ำส้มสายชูติดมาได้ เช่น ผักกาดขาว, ผักกาดเขียว เป็นต้น

ภาพที่ 2

ภาพจาก https://www.proextron.com

4. ใช้น้ำเกลือ

นอกจากน้ำเกลือจะใช้ทำความสะอาดผิวหน้าได้แล้ว ยังนำมาล้างผักได้ด้วย สำหรับการล้างผักโดยใช้น้ำเกลือให้ผสมเกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 4 ลิตร แล้วนำผักไปแช่ทิ้งไว้ 10 – 15 นาที จากนั้นนำผักไปล้างโดยเปิดน้ำไหลผ่านหรือแช่น้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษตกค้างในผักได้ประมาณ 27 – 38% แต่การใช้น้ำเกลือล้างผักมีข้อเสียคือ อาจทำให้ผักมีรสเค็มได้

5. ใช้ด่างทับทิม

การล้างผักด้วยด่างทับทิมอาจไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ เพราะมันเป็นวิธีที่ยุ่งยากและเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหารเมื่อสูดดมไอระเหยของด่างทับทิมเข้าไป อีกทั้งถ้าเข้าตา ก็อาจทำให้ตาบอดได้ด้วย แต่หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยลดสารพิษตกค้างในผักได้ประมาณ 35 – 43% ซึ่งวิธีล้างที่ถูกต้องคือ ใช้ด่างทับทิมประมาณ 20 เกล็ด ผสมกับน้ำสะอาด 4 ลิตร จากนั้นนำผักมาแช่ทิ้งไว้ 10 – 15 นาทีแล้วจึงนำไปล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง

6. ใช้เบกกิ้งโซดา

เบกกิ้งโซดาตัวช่วยสารพัดประโยชน์ นอกจากใช้ทำขนมแล้วยังใช้ล้างผักได้ดี วิธีการล้างคือ นำเบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำสะอาด 10 ลิตร แล้วจึงนำผักมาแช่ทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นนำไปล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ประมาณ 90 – 95% ดูจะเป็นวิธีที่ดีมากทีเดียว แต่ต้องให้แน่ใจว่าล้างสะอาดแล้วจริงๆ เพราะเบกกิ้งโซดามีส่วนผสมของโซเดียมอยู่ และอาจดูดซึมเข้าสู่ผักที่นำไปแช่ได้ นอกจากนี้การได้รับเบกกิ้งโซดาในปริมาณมากเกินไปก็อาจทำให้ท้องเสียได้ค่ะ

การล้างผักแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป จะเลือกใช้วิธีไหนก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน แต่จะให้ดีให้เลือกกินผักออร์แกนิค หรือผักปลอดสารพิษจะดีกว่า ถึงแม้ราคาจะแพงแต่ก็มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย

Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]
Back to Top